สุดยอดเกมบิ๊กแมตช์ระหว่าง สเปน พบ ฝรั่งเศส ในรอบรองชนะเลิศ ศึกยูโร 2024 วันอังคารที่ 9 กรกฎาคมนี้ ถือเป็นไฮไลท์สำหรับสำหรับทัวร์นาเมนต์บนแผ่นดินเยอรมนี เพราะถ้าฝ่ายไหนชนะ โอกาสที่จะก้าวขึ้นมาชูโทรฟี่ “อองรี เดอ โลเนย์”

การดวลกันระหว่าง ทัพ “กระทิงดุ” เจ้าของแชมป์ยูโร 3 สมัย กับ “ตราไก่” แชมป์ยูโร 2 สมัย หลายคนค่อนข้างเชื่อว่ามันจะเป็นเกมที่สนุกสูสี เพราะทั้ง 2 ทีมอุดมไปด้วยขุมกำลังชั้นยอด

อย่างไรก็ตาม สเปน ดูเหมือนจะค่อนข้างได้เปรียบนิดหน่อยในเรื่องเกมรุกที่มีความรวดเร็วว่องไว และเฉียบคม ขณะที่เกมรับก็แข็งแกร่งเพราะเสียแค่ 2 ประตูให้กับ จอร์เจีย (รอบ 16 ทีมสุดท้าย) กับ เยอรมนี (รอบ 8 ทีมสุดท้าย) เท่านั้น

กระนั้นในการฟาดฟันในรอบตัดเชือกทีมของกุนซือดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ คงมีการเตรียมตัวมาอย่างดี แม้พวกเขาจะมีสถิติไม่ค่อยน่าอภิรมณ์ทำได้แค่ 3 ประตูนับตั้งแต่เปิดฉากทัวร์นาเมนต์นี้ โดยไม่มีจังหวะโอเพ่นเพลย์เลย ที่สำคัญทั้ง 3 ลูกมาจากการทำเข้าประตูตัวเองของคู่แข่ง 2 หน ส่วนอีก 1 ประตูมาจากลูกจุดโทษของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้

สำหรับการดวลกันในครั้งนี้ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และเกมนี้อาจจะตัดสินกันใน 3 จุดสำคัญ ซึ่งหากทีมใดทีมหนึ่งสามารถทำได้ดีกว่า มีโอกาสสูงที่จะได้เข้าไปเล่นในรอบชิง ที่สนามโอลิมเปีย สตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน วันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค.นี้

1. ก็องเต้ vs โรดรี้

ต้องยอมรับว่า โรดรี้ เป็นนักเตะที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับทีมชาติสเปน ไม่ต่างอะไรกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เดอะ แบก” ของทัพ “เลส์ เบลอส์” มาตลอดในช่วงหลายปี โดยเฉพาะในยูโร 2024 พ่อหนุ่มมาดขี้อาย ยังสร้างผลงานได้อย่างสุดยอด

สำหรับ สตาร์ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเป็นตัวคุมจังหวะการเล่น และคอยเชื่อมเกมในแดนกลางให้ทัพ “กระทิงดุ” ที่สำคัญการเล่นด้วยสมาธิและมีความนิ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตู

การที่ โรดรี้ คอยควบคุมเกมทำให้ ลามีน ยามาล และ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ สองปีกดาวรุ่งพุ่งแรงมีโอกาสได้เล่นเกมบุกอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง นอกจากนี้เขายังมีทีเด็ดในเรื่องการยิงประตูด้วย

ขณะที่ ก็องเต้ แม้อายุจะปาเข้าไป 33 ปีแล้วแต่ยังเต็มไปด้วยพละกำลัง สามารถวิ่งได้ทั่วสนาม และพร้อมทุ่มเทในการตัดเกมทุกจังหวะ ซึ่งนั่นทำให้เขามีส่วนสำคัญกับ ฝรั่งเศส ในช่วงที่ผ่านมา

ความโดดเด่นของ ก็องเต้ ทำให้เขาคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ 2 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าเขาคือกำลังสำคัญที่ทัพ “ตราไก่” ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะการต้องสู้กับ สเปน ที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักในตอนนี้

2.  ยามาล vs  แอร็งน็องเดซ

สตาร์ วัย 16 ปีจาก บาร์เซโลน่า กำลังเฉิดฉายกับการลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับชาติครั้งแรก โดยสร้างสถิติเป็นพ่อค้าแข้งอายุน้อยที่สุดในวัย 16 ปี 338 ของทัวร์นาเมนต์ที่ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง

ยามาล โชว์ฟอร์มได้เก่งเกินวัยโดยเขาช่วยแอสซิสต์ให้ทัพ “กระทิงดุ” ไปแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งมากกว่านักเตะคนอื่นๆ อีก 622 คนที่มีส่วนในการเล่นศึกยูโร 2024 แต่เท่ากับ ซาฟี ซิมอนส์ รุ่นพี่ในศูนย์เยาวชน “ลา มาเซีย” ของทีมชาติเนเธอร์แลนด์

แข้งรายนี้ถนัดเท้าซ้ายแต่โดดเด่นในการเล่นปีกขวา ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องสู้กับ เตโอ แอร็งน็องเดซ โดยตรง ซึ่งปัจจุบันแข้งเลือดเฟร้นช์รายนี้ได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่เก่งที่สุดในโลก

แม้ว่า “เลส์ เบลอส์” จะพบกับความยากลำบากในการเล่นเกมรุกตลอด 5 แมตช์ที่ผ่านมา แต่บ่อยครั้ง ฟูลแบ็กจากเอซี มิลาน มักจะดันขึ้นไปเล่นเกมรุกและทำให้ ฝรั่งเศส สร้างโอกาสได้หลายครั้ง ดังนั้นนี่คือผู้เล่นที่พัฒนาฟอร์มการเล่นดได้อย่างต่อเนื่อง แถมบางจังหวะยังหาโอกาสยิงไกลด้วย

ความร้อนแรงของเจ้าหนูอัจฉริยะแห่ง “ลา มาเซีย” จะสามารถจัดการความเก่งฉกาจของ แอร็งน็องเดซ ได้หรือไม่ ? ขณะเดียวกัน ยามาล อาจต้องมีวินัยในการเล่นเกมรับมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือ เฆซุส นาบาส แบ็กขวาที่คาดว่าจะได้ลงตัวจริงแทน ดานี่ การ์บาฆาล ซึ่งติดโทษแบน

3. เอ็มบัปเป้ vs แนวรับสเปน 

คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เลยในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ด้วยศักยภาพของเขายังคงเป็นผู้เล่นที่อันตรายที่สุดที่บรรดาแนวรับของ สเปน ห้ามประมาทอย่างเด็ดขาด

หนึ่งในสาเหตุที่ “ประธานเป้” ยังเล่นไม่ค่อยโดดเด่นอาจมาจากการที่ต้องใส่หน้ากากป้องกันจมูก หลังได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เกมแรกที่ชนะ ออสเตรีย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นผู้เล่นที่สามารถละสายตาได้

ยิ่งแมตช์นี้ การ์บาฆาล ติดโทษแบนจากการถูกไล่ออกในเกมชนะ เยอรมนี รอบ 8 ทีมสุดท้าย ทำให้เกมรับของ สเปน อาจจะต้องหาผู้เล่นที่มีศักยภาพภาพที่สามารถรับมือกับ เอ็มบัปเป้ ได้ตลอดทั้งเกม ไม่อย่างนั้นมีสิทธิ์ที่จะโดนปั่นป่วนได้

ขณะที่ โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์ เซนเตอร์แบ็กตัวหลักก็ติดโทษแบนเช่นกัน งานนี้ กุนซือหลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ คงต้องหาแบ็กขวากับเซนเตอร์แบ็กที่เหมาะสมที่สุดในการที่จะรับมือ เอ็มบัปเป้

สำหรับตอนนี้คาดว่า นาบาส คงได้เล่นแทน การ์บาฆาล ซึ่งแบ็กขวา วัย 38 ปี จากเซบีย่า เป็นสมาชิกชุดปัจจุบันเพียงคนเดียวที่ช่วย สเปน คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และยูโร 2012 แม้ว่าอายุของเขาจะห่างจาก เอ็มบัปเป้ แต่เรื่องประสบการณ์และความเก๋าอาจจะสามารถรับมือกับ สตาร์เลือดเฟร้นช์ วัย 25 ปี

ในส่วนของเซนเตอร์แบ็กที่จะมาแทน เลอ นอร์กม็องด์  ก็คือ นาโช่ เฟร์นานเดซ ซึ่งเพิ่งช่วย เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นล่าสุด ดังนั้นความแข็งแกร่งในเกมรับของเขา น่าจะช่วยงาน เอมเมอริค ลาปอร์กต์ส ในการสู้กับ เอ็มบัปเป้ ด้วยเช่นกัน

UFA365 เว็บพนันออนไลน์

UFA365 เว็บพนันออนไลน์


สล็อต365 UFA365 แทงบอล365
UFA365 สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://member.8xufabet.com/register.php?mk=365D
สอบถามเพิ่มเติม 🆔 𝙇𝙄𝙉𝙀 : @ufa365d