ไรอัน กราเฟนแบร์ก เหมือนการค้นพบใหม่ของ ลิเวอร์พูล

ศูนย์รวมทีเด็ดVIPจากบ้านผลบอล zeanstep 7m สปอร์ตพูล baanpolball สยามกีฬา สยามสปอร์ต ดูทีเด็ดฟุตบอล ทีเด็ดบอลวันนี้ ดูผลบอลเมื่อคืนนี้ การแข่งขันเกมส์เซียนบอลสุดแม่น สถิติเข้าติดต่อกัน20WINS ดูผลบอลสด ผลบอลย้อนหลัง3ปี โปรแกรมฟุตบอลประจำวัน ตารางบอลวันนี้ คืนนี้ พรุ่งนี้ เช็คราคาบอลวันนี้ ดูบอลออนไลน์ ชมไฮไลท์ฟุตบอลล่าสุดอัพเดททุกวัน ติดตามตารางคะแนนฟุตบอลทุกลีกดัง เลือกรับชมผลบอลสดได้5ช่องทางสำรอง ตารางบอลมีการรายงานผลบอลทันทีที่บอลแข่งจบ พร้อมแสดงใบเหลือง ใบแดง ทุกลีก ทุกคู่ ทั่วโลก ทีเด็ดบาส ทีเด็ดบอล เข้าบ้านผลบอลไม่ได้ แทงบาส แทงบอล
slotgame
Posts: 434
Joined: Wed Jul 31, 2024 2:07 pm

ไรอัน กราเฟนแบร์ก เหมือนการค้นพบใหม่ของ ลิเวอร์พูล

Post by slotgame »

ไม่มีใครจับตามอง ไรอัน กราเฟนแบร์ก มาก่อนเลย..

ไม่แม้กระทั่งแฟนบอลของลิเวอร์พูลเอง เพราะความสนใจพุ่งไปอยู่ที่ตลาดนักเตะกันหมด

มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทุกตลาดซื้อขายแฟนบอลย่อมคาดหวังว่าทีมจะลงตลาดจับจ่ายนักเตะใหม่มาเสริมทีมอยู่แล้ว ยิ่งผลงานของกองกลางชาวดัตช์เมื่อฤดูกาลก่อนก็ไม่ได้มีความโดดเด่นเตะตาด้วย



ขอแค่ยื่นมา!เผย ซาลาห์ อยากต่อสัญญา ลิเวอร์พูล เท่านั้น


ลิเวอร์พูล โดนเท!กูรูชี้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ซบ มาดริด


ส่งผลดี!กราเฟนแบร์ก ชู สล็อต ช่วยทำให้มั่นใจมากขึ้น

ฉะนั้นเมื่อสร้างผลงานยอดเยี่ยมตลอด 3 เกมแรกของฤดูกาล 2024/25 กราเฟนแบร์กจึงเปรียบเสมือนนักเตะใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเขย่าวงการฟุตบอลอังกฤษ ให้อารมณ์คล้ายกับว่าลิเวอร์พูลไปได้กองกลางคนใหม่ค่าตัวสัก 60-70 ล้านปอนด์มาจากที่ไหนสักที่

ผลงานของกราเฟนแบร์กใน 3 เกมที่ผ่านมาทั้งกับ อิปสวิช ทาวน์ เบรนท์ฟอร์ด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เขาได้รับคำชื่นชมมาก จากสไตล์การเล่นที่ลงตัวกับวิธีการของลิเวอร์พูล

กราเฟนแบร์กทำหน้าที่ของเขาได้ดี เยือกเย็น รับมือกับสถานการณ์บีบคั้นได้ดี ครองบอลเหนียวแน่น แย่งบอลได้ ช่วยเกมรับดี ระแวดระวัง อ่านสถานการณ์เก่ง ผ่านบอลดี พาบอลขึ้นหน้าเองได้ กล้าบุกตะลุยเมื่อพื้นที่เปิดให้ ทั้งยังเคลื่อนที่ได้เป็นประโยชน์ยามไม่มีบอล

เป็นคนที่เข้าปะทะมากที่สุดในทีม (8 ครั้ง) ตัดบอลได้มากกว่าใครในทีม (7 ครั้ง) ชนะการดวลตัวต่อตัวไม่ว่ารับหรือรุกมากกว่าทุกคนในทีม (15 ครั้ง) ผ่านบอลมากเป็นอันดับสองของทีม (176 ครั้ง)

ในเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่โดดเด่นมาก กราเฟนแบร์กตัดบอลได้ 4 ครั้ง มากกว่าใครในสนาม เอาชนะการดวลตัวต่อตัว 7 ครั้ง แย่งบอลกลับมาครองได้อีก 6 ครั้ง ไม่ถูกเลี้ยงผ่านเลยและยังเรียกฟาวล์ได้อีก 3 หน

สถิติที่เป็นตัวเลขยิ่งชัดเจนสอดคล้องกับความตื่นตัวและการเล่นอันตื่นตาตื่นใจที่เราได้เห็นในสนาม

ในยุค อาร์เน่อ ชล็อต ทีมหงส์แดงปรับเปลี่ยนการเล่นไปจากเดิม รูปแบบการยืนปรับจาก 4-3-3 เป็น 4-2-3-1 มีคู่กองกลางยืนร่วมกัน ช่วยกันรักษาพื้นที่รับผิดชอบ

ไม่จำเป็นต้องมีกองกลางตัวรับหนัก ๆ ที่เป็นหมายเลข 6 โดยสัญชาตญาณ หากแต่เป็นหมายเลข 6 อีกแบบหนึ่งที่นอกจากจะมีทักษะเกมรับติดตัวแล้วยังมีความหลากหลายเอาตัวรอดเก่ง สร้างเกมได้ ผ่านบอลได้ พาบอลขึ้นหน้าได้ พลิกหนีพื้นที่แออัดเปิดแนวรุกให้ทีมได้

สไตล์ของ กราเฟนแบร์ก เป็นแบบนั้นมาแต่แรก มันสอดคล้องเหมาะเจาะพอดีกับแนวทางที่ ชล็อต ต้องการ ไม่แปลกหรอกถ้ากุนซือชาวดัตช์จะเห็นมันในการฝึกซ้อมและมองว่านักเตะคนนี้เหมาะสมกับระบบของเขา

มันเป็นสิ่งที่เราแฟนบอลไม่ได้เห็น จึงอาจจะยังยึดติดกับภาพเดิม ๆ จากฤดูกาลที่แล้วที่อดีตกองกลางอาแจ๊กซ์ไม่ได้มีผลงานอะไรโดดเด่น เราเองก็อาจลืมไปว่านักฟุตบอลทุกคนย่อมมีพัฒนาการ ไม่มีใครอยากจะหยุดอยู่กับที่ พยายามขัดเกลาจุดอ่อนต่อเติมจุดแข็งให้เก่งขึ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเปลี่ยนโค้ชที่อาจมีสไตล์การทำทีมเข้ากัน

แล้วกราเฟนแบร์กก็ตอบสนองรูปแบบการเล่นของชล็อตจนพุ่งขึ้นมาเป็นตัวเลือกลำดับแรก ๆ ในตำแหน่งกองกลางร่วมกับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โดมินิก โซโบซไล กลายเป็นแดนกลางที่ทรงพลังอย่างที่เห็น

กระนั้นในทุกครั้งที่ อาร์เน่อ ชล็อต ให้สัมภาษณ์ เขาจะไม่ลืมพูดถึงการเล่นร่วมกันเป็นทีมของนักเตะทุกแดน การที่กองกลางของทีมทั้ง 3 คนโดดเด่น แน่นทั้งเกมรับ ชัดทั้งการรุกได้นั้นก็มาจากการช่วยสนับสนุนของกองหน้าและกองหลังด้วย เติมขึ้นไปแล้วลงไม่ทันก็มี อิบู โกนาเต้ กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ขยับขึ้นมารักษาพื้นที่ชะลอเกมให้ ถอยลงมาแล้วขึ้นไม่ทันก็มีตัวรุกถอนตัวลงมาช่วยรับบอลเอาไปทำให้

ลิเวอร์พูลของชล็อตไหลลื่นด้วยการรักษาระยะระหว่างแดนได้อย่างสมดุลด้วย นอกเหนือไปจากความโดดเด่นเฉพาะตัวของผู้เล่นแต่ละคน

การเริ่มต้นที่สวยงามแบบนี้ทำให้ความกดดันที่มีทั้งต่อทีม ต่อโค้ช และต่อตัวกราเฟนแบร์กเองลดลงไป เพราะลิเวอร์พูลถูกวิจารณ์หนักถึงการไม่ได้กองกลางมาเสริมทีมเลยตลอดตลาดซื้อขายนักเตะหน้าร้อน

แน่นอนครับ ถึงตรงนี้ก็ยังมีแฟนบอลที่เป็นกังวลอยู่ว่าถ้ามีปัญหาบาดเจ็บเกิดขึ้นกับตัวหลักแล้วทีมจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ ในเมื่อ ชล็อต มองว่าขุมกำลังในแดนกลางที่ยังมี ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, เคอร์ติส โจนส์, วาตารุ เอนโด และ เทรย์ นีโอนี่ นั้นมีคุณภาพเพียงพอก็ต้องรอดูกันว่าบรรดาตัวสำรองของทีมนั้นจะยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมาได้แค่ไหนในมือของเขา

แม้กระทั่งรายของเอนโดที่บางคนมองว่าจบแล้ว ด้วยอายุและสไตล์การเล่นที่ดูจะไม่เข้ากับระบบของชล็อต แฟนบอลบางส่วนก็บอกว่าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินเขา การปรับตัวให้เข้ากับวิธีการเล่นของโค้ชใหม่เป็นเรื่องธรรมดาของนักฟุตบอล เป็นกำลังใจให้เขาดีกว่า

การโผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของกราเฟนแบร์กเป็นเหมือนการค้นพบแห่งซีซั่น ทั้งที่อันที่จริงเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปนักจากการเล่นเมื่อฤดูกาลก่อน บอลแรกได้เปรียบ พลิกขึ้นหน้าดี มีเซนส์เกมรุก

มันก็สไตล์เดิมของมิดฟิลด์วัย 22 ปีที่มีทักษะที่ดีในเรื่องนี้ มันติดตัวมาตั้งแต่ครั้งเล่นให้ทีมเยาวชนของ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่โดดเด่นถึงขั้นเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับการจับตามอง ก่อนที่จะได้ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ของอาแจ๊กซ์ตั้งแต่อายุยังไม่ครบ 17 ปีในเวลาต่อมา

เพียงแต่การที่คุณจะยึดตัวจริงในทีมของใครสักคนได้นั้นมันยังต้องมีอะไรอย่างอื่นอีก การหมุนพลิกตัวเยี่ยมบอลแรกได้เปรียบของกราฟอาจจะยังไม่พอ เพราะฟุตบอลของคล็อปป์เรียกร้องคุณสมบัติข้ออื่น ๆ จากเขามากกว่า แค่นั้นเอง

โค้ชปรับ สไตล์ก็เปลี่ยน แนวทางก็ย่อมไม่เหมือนกันทั้งหมด มีทั้งที่สานต่อได้เลย มีทั้งที่ต้องขัดเกลา มีทั้งที่ต้องปรับปรุง ชล็อตมองเห็นสไตล์ของกราเฟนแบร์กว่าเหมาะกับฟุตบอลของเขา เป็นเบอร์ 6 ที่เขาต้องการ ก่อนเปิดฤดูกาลเขาจึงเรียกกราเฟนแบร์กไปคุยว่าฤดูกาลนี้เอ็งไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องอื่น จงโฟกัสกับบทบาทหมายเลข 6 กับหมายเลข 8 ที่ทีมจะให้เล่นแค่นั้น

มีสมาธิ มุ่งมั่น และทำให้เต็มที่ ผมจะใช้คุณใน 2 ตำแหน่งนี้ คุณต้องพร้อมและพัฒนาคุณสมบัติในการเล่น 2 ตำแหน่งนี้ให้ไปได้ไกลที่สุด

สามเกมผ่านไป กราเฟนแบร์กทำให้เห็นว่าเขาทำได้

เป็นอย่างนี้ไม่ใช่ว่าคล็อปป์มองไม่เห็นฝีเท้าของกราเฟนแบร์กหรือใช้งานไม่เป็นอย่างที่แฟนบอลบางคนเริ่มตราหน้าคล็อปป์กันแล้ว ตรงกันข้ามเลยเพราะเขาเห็นต่างหาก กราเฟนแบร์กจึงยังไม่ได้เป็นตัวจริงในทีมของเขา

ทีมฟุตบอลจะเปลี่ยนทั้งระบบเพื่อนักเตะคนเดียวไม่ได้หรอก ฟุตบอลของคล็อปป์เล่นในระบบเบอร์ 6 คนเดียว กราฟจึงยังไม่ตอบโจทย์ของคล็อปป์ ณ เวลานั้นด้วยปัจจัยหลายอย่าง กระดูกยังไม่แข็งพอ ความเข้าใจระบบยังน้อย อาการบาดเจ็บที่รบกวน หรือกระทั่งฟอร์มของเพื่อนร่วมทีมคนอื่นที่ตอบโจทย์ฟุตบอลของเขาได้ดีกว่า

ชล็อตเข้ามาสานต่อสิ่งที่มีอยู่ ย่อมศึกษาจุดดีจุดด้อยของมรดกที่เขาได้รับมาและนำแนวทางของตัวเองทาบลงไปในทีม ขยับจุดนู้นปรับจุดนี้ น้อยบ้างมากบ้าง และกราเฟนแบร์กคือคนที่เขามองเห็นว่าถ้าถอยมายืนต่ำในบทบาทหมายเลข 6 คู่น่าจะลงตัว เพราะกองกลางคู่ของเขาควรมีสไตล์และคุณสมบัติแบบนี้

ในสไตล์การเล่นของชล็อต ลิเวอร์พูลเล่นช้าลงในการต่อบอลจากแดนหลัง เพิ่มความแน่นอนให้มากขึ้น และจังหวะทำก็พร้อมทำอย่างรวดเร็ว

หนึ่งในอาวุธที่เล่นงานคู่แข่งจนรับมือไม่ทันคือการผ่านบอลทะลุช่องขึ้นมาตรง ๆ ของกราเฟนแบร์ก นั่นคือประสิทธิภาพที่ชล็อตมองเห็น

กราเฟนแบร์กคือกองกลางหมายเลข 6 ยุคปัจจุบัน คือนอกจากมีเซนส์เกมรับที่ดี ร่างกายแข็งแกร่ง ตัดบอลได้ แย่งบอลได้แล้ว ยังมีมิติในเกมรุกเพิ่มเข้ามาด้วยคือสร้างเกมเองได้ เลี้ยงบอลทะลุขึ้นหน้าได้ ส่งบอลได้ทั้งสั้นและยาว

การเล่นของกราเฟนแบร์กสามารถกินตัวคู่ต่อสู้ได้ 1-2 คนหรือ 2-3 คนได้จากการพลิกบอลทีเดียวหรือผ่านบอลแค่ครั้งเดียว เราได้เห็นหลายครั้งที่เขาหันหลังให้คู่ต่อสู้เพื่อรับบอลจากกองหลังไม่ว่าจะเป็น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ หรือ อิบู โกนาเต้ แต่เมื่อบอลมาถึงตัวก็ปล่อยให้ไหลผ่านแล้วค่อยพลิกตัวตามไปเล่น

จังหวะพลิกแบบนี้ตัดคู่แข่งได้รวดเดียว 1-2 คน

หรือบางครั้งเขารับบอลจากกองหลัง หันหน้ามาหาคู่ต่อสู้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ๊กซ้ายขยับขึ้นมารอบอล แต่กราเฟนแบร์กเลือกแทงทะลุขึ้นไปตรง ๆ พรวดเดียวถึง แม็คอัลลิสเตอร์ ที่ยืนอยู่ในแดนตรงข้าม ได้ระยะมาทีเดียว 15-20 หลา พร้อมการหลุดตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามอีก 3 คน

นี่คือคุณสมบัติที่กราเฟนแบร์กเสริมให้เกมรุกของลิเวอร์พูลดูน่ากลัวขึ้น เพราะมิติการเล่นเพิ่มมากขึ้นจากคนที่เป็นกองกลางตัวรับทั่ว ๆ ไปที่ทำหน้าที่ไล่ตัดเกมแล้วส่งบอลให้เพื่อนเอาไปทำต่อ

สกายสปอร์ตส์นำเอาสถิติส่วนตัวของกราเฟนแบร์กเมื่อฤดูกาลที่แล้วกับฤดูกาลนี้มาเปรียบเทียบกัน มันคาดเดาได้ไม่ยากหรอกครับว่าตัวเลขของฤดูกาลไหนจะดีกว่า เพราะตำแหน่งการยืนของเขาที่ต่ำกว่าเดิม การผ่านบอลจึงมีโอกาสเสียหรือถูกแย่งยากกว่าเดิม และก็ยังได้บอลมากกว่าเดิม

กราเฟนแบร์กได้บอลเฉลี่ยต่อเกมในฤดูกาลนี้ 81 ครั้ง มากกว่าฤดูกาลที่แล้ว (60.1 ครั้ง) ร่วม 20 ครั้ง

การผ่านบอลก็มากกว่าในระดับ 67.9 ครั้ง ต่อ 39.6 ครั้ง บอลไปถึงเป้าหมายก็แม่นยำกว่าเดิม 90.4 % กับ 83.4 %

เข้าปะทะมากขึ้น 3 ครั้งต่อ 2.1 ครั้ง และตัดบอลมากขึ้น 1.5 ครั้งต่อ 1.1 ครั้ง

ไม่เพียงเท่านั้นการขยับตัวเป็นทางเลือกให้เพื่อนเวลาที่ตัวเองไม่มีบอลก็ยังเป็นจุดเด่นของกราเฟนแบร์กด้วย อาร์เน่อ ชล็อต ยังยอมรับว่ารู้สึกทึ่งเมื่อได้เห็นคุณสมบัติด้าน Off the ball ของกราฟตอนซ้อม

ไรอัน กราเฟนแบร์ก เหมือนการค้นพบใหม่ของลิเวอร์พูล คล้ายเราล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเจอลอตเตอรี่ถูกรางวัลที่ลืมตรวจมา 3 เดือน

ของดีที่มีอยู่แล้ว สามารถนำกลับมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็ไม่ต่างอะไรกับการได้ของใหม่เหมือนกัน แถมยังน่าภูมิใจอีกต่างหาก..

https://udm88.net/
สล็อต365 UFA365 แทงบอล365
UFA365 UFA DIAMOND สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://ufadiamond.ibetauto.com/ufadiam ... t/register
สอบถามเพิ่มเติม 🆔 𝙇𝙄𝙉𝙀 : https://lin.ee/QJ7cl29